เจ้าอาวาสวัดถ้ำเนรมิตและชาวบ้านยืนยัน ชาวบ้านหลายรายบริจาคที่สร้างวัด ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติแต่อย่างใด
จากกรณีที่ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมด้วยนายอำเภอศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ นำกำลังตรวจค้นอาคารและสิ่งปลูกสร้างภายในวัดถ้ำเนรมิต บ้านต่อเรือ จังหวัดกาญจนบุรี หลังได้รับการร้องเรียนว่าวัดแห่งนี้บุกรุกพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จำนวน 90 ไร่ นั้น
ทางด้านพระครูวิสุทธิ์กาญจนกิจ เจ้าอาวาสวัดถ้ำเนรมิตนำเอกสารการขออนุญาตจัดตั้งวัดมาแสดง พร้อมชี้แจงว่าวัดแห่งนี้สร้างมาก่อนการประกาศเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งนายเสมอ นาคพงษ์ อธิบดีกรมการศาสนาได้รับรองว่าวัดถ้ำเนรมิตรได้มีการตั้งวัดในปี พ.ศ.2480 และมีอาคารเสนาสนะมั่นคง มีพระภิกษุจำพรรษาตลอดมามิได้ขาด เจ้าคณะปกครองสงฆ์และเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองได้ให้การรับรองเป็นวัดเก่าที่สร้างก่อนพระราบบัญญัติคณะสงฆ์พุทธศักราช 2484
ซึ่งวัดถ้ำเนรมิตนั้นเป็นที่ดินซึ่งชาวบ้านหลายครัวเรือนได้แผ้วถางเพื่อทำการเกษตร ต่อมาได้มีชาวบ้านที่ชื่อแบน หรือ พระอาจารย์แบน ซึ่งเป็นชาวกระเหรี่ยงได้บรรพชาอุปสมบท และได้นำที่ดินของตัวเองจำนวน 60 ไร่ นำมาสร้างเป็นวัด คือวัดถ้ำเนรมิตซึ่งได้มีชาวบ้านในบริเวณรอบๆ วัดถ้ำเนรมิตมาร่วมทำบุญ ปฎิบัติธรรมกันเป็นประจำ ต่อมาท่านได้มรณภาพ และ มีชาวบ้านมาบวชเป็นพระและรักษาการเป็นเจ้าอาวาส จากนั้นได้ลาสิกขาไป
ต่อมาพระครูวิสุทธิ์กายจนกิจ หรือ หลวงพ่อสมบูรณ์ได้เข้ามาพัฒนาวัดถ้ำเนรมิตในปี 2533 ได้มีชาวบ้านเข้ามาสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม กันเป็นประจำ และมีชาวบ้านหลายรายได้บริจาคที่ดินของตนเองจนทำให้วัดมีพื้นที่จำนวน 90 ไร่ และวัดถ้ำเนรมิตได้รับพระราชทาสวิสุงคมสีมาในปี พ.ศ.2534 โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ไม่มีความคิดเห็น