ปัญหาอยู่ที่วัดพระธรรมกาย หรือความชอบธรรมในการใช้ ม.44 กันแน่ ?
วัดไม่มีความผิด พระไม่มีความผิด อะไรคือความสมเหตุสมผลในการใช้ ม.44 ไล่พระออกวัด จับสึกพระ ทำร้ายประชาชน นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรให้ความกระจ่างแก่ประชาชน
คือ องค์ประกอบแห่งข้อหา
1. ความผิดที่ชัดเจน
2. หลักฐานที่ชัดเจน
3. พยานที่ชัดเจน
4. ผู้เสียหายที่ชัดเจน
5. มูลฐานความผิดที่ชัดเจน
แต่ปรากฏว่า การออก ม.44 ของรัฐบาลครั้งนี้ ไม่มีองค์ประกอบใดที่ชัดเจนแม้แต่อย่างเดียว
1. ไม่มีความผิดชัดเจน
- ดีเอสไอตรวจค้นจนทั่ววัดแล้ว 3 วัน ไม่มีใครขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สักคน
- ดีเอสไอตรวจค้นจนทั่ววัดแล้ว 3 วัน ไม่มีใครขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สักคน
2. ไม่มีหลักฐานชัดเจน
- ดีเอสไอตรวจค้นจนทั่วทุกตารางนิ้วของวัดตลอด 3 วัน แม้แต่อุโมงค์ระบายน้ำ ตึกสงฆ์ กุฏิพระก็ยังได้เข้าไปตรวจ ผลคือไม่เจอหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อหาฟอกเงินและรับของโจร เจอแต่เครื่องมือการแพทย์ที่ยืนยันว่าหลวงพ่อท่านป่ายจริง
- ดีเอสไอตรวจค้นจนทั่วทุกตารางนิ้วของวัดตลอด 3 วัน แม้แต่อุโมงค์ระบายน้ำ ตึกสงฆ์ กุฏิพระก็ยังได้เข้าไปตรวจ ผลคือไม่เจอหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อหาฟอกเงินและรับของโจร เจอแต่เครื่องมือการแพทย์ที่ยืนยันว่าหลวงพ่อท่านป่ายจริง
3. ไม่มีพยานที่ชัดเจน
- ผลคือดีเอสไอทำคดีของหลวงพ่อท่านมา 2 ปี ไม่พบว่ามีใครสามารถเป็นพยานยืนยันการกระทำความผิดได้
- ผลคือดีเอสไอทำคดีของหลวงพ่อท่านมา 2 ปี ไม่พบว่ามีใครสามารถเป็นพยานยืนยันการกระทำความผิดได้
4. ไม่มีผู้เสียหายที่ชัดเจน
- ผลคือคดีนี้ไม่มีผู้เสียหายที่ชัดเจน สหกรณ์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย สมาชิกก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย เงินที่บริจาคมาลูกศิษย์ก็คืนแทนวัดไปแล้ว เรื่องนี้จึงมีแต่หลวงพ่อที่เป็นผู้เสียหาย เพราะการกล่าวหาลอยๆ
- ผลคือคดีนี้ไม่มีผู้เสียหายที่ชัดเจน สหกรณ์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย สมาชิกก็ไม่ใช่ผู้เสียหาย เงินที่บริจาคมาลูกศิษย์ก็คืนแทนวัดไปแล้ว เรื่องนี้จึงมีแต่หลวงพ่อที่เป็นผู้เสียหาย เพราะการกล่าวหาลอยๆ
5. ไม่มีมูลฐานความผิดที่ชัดเจน
- ผลคือ ปปง.ตรวจดูเช็คสหกรณ์ทั้ง 878 ใบ พบว่าไม่มีเส้นทางการเงินของเช็คใบใด ที่เชื่อมโยงได้ว่าหลวงพ่อมีความผิดฟอกเงิน ยิ่งกว่านั้น คดีนี้ยังถูกถอนออกจากศาลไปแล้ว และพบว่าเป็นคดีแพ่งธรรมดาที่ยอมความได้ทั้งแพ่งและอาญา ไม่สามารถนำมาเป็นมูลฐานความผิดในการตั้งข้อหาฟอกเงินได้
- ผลคือ ปปง.ตรวจดูเช็คสหกรณ์ทั้ง 878 ใบ พบว่าไม่มีเส้นทางการเงินของเช็คใบใด ที่เชื่อมโยงได้ว่าหลวงพ่อมีความผิดฟอกเงิน ยิ่งกว่านั้น คดีนี้ยังถูกถอนออกจากศาลไปแล้ว และพบว่าเป็นคดีแพ่งธรรมดาที่ยอมความได้ทั้งแพ่งและอาญา ไม่สามารถนำมาเป็นมูลฐานความผิดในการตั้งข้อหาฟอกเงินได้
ดังนั้น กรณีของการจับสึกพระเพื่อยึดวัดพระธรรมกาย จึงไม่แตกต่างกับ
กรณีของพระพิมลธรรม
กรณีของครูจอมทรัพย์
กรณีของพนักงานไปรษณีย์
และกรณีของแพะรับบาปที่ติดคุกฟรีอีกนับพันคน ที่เคยตกเป็นแพะมาแล้วก่อนหน้านี้มากมาย
กรณีของพระพิมลธรรม
กรณีของครูจอมทรัพย์
กรณีของพนักงานไปรษณีย์
และกรณีของแพะรับบาปที่ติดคุกฟรีอีกนับพันคน ที่เคยตกเป็นแพะมาแล้วก่อนหน้านี้มากมาย
คำถามจึงเกิดขึ้นว่า เมื่อการตรวจค้นวัดตลอด 3 วัน เจ้าหน้าที่รัฐไม่พบสิ่งใดที่เป็นองค์ประกอบแห่งความผิด ที่ชัดเจนได้แม้แต่ข้อเดียว อะไรคือความชอบธรรม ในการออก ม.44 เพื่อยึดวัดจับสึกพระของรัฐบาล
เรื่องนี้รัฐบาลใช้ความรุนแรงถึงขั้น มีผู้หญิงเจ็บสาหัสถึงขั้นไหปลาร้าหัก ซี่โครงหัก 6 ซี่ ต้องเข้าไอซียูเกิดขึ้นแล้ว
การใช้ ม.44 โดยขาดองค์ประกอบความผิดที่ชัดเจนเช่นนี้ เจ้าหน้าที่รัฐและรัฐบาลควรมีคำอธิบายแก่ประชาชน และต่างประเทศที่จับจ้องติดตามสถานการณ์นี้อยู่ด้วย เพราะถึงแม้จะเกลียดชังวัดพระธรรมกายอย่างไร ก็ควรคำนึงถึงความถูกต้อง เหมาะสม เป็นธรรม ในการใช้กฎหมาย ที่รุนแรงกว่ากฎอัยการศึกแก่เรื่องศาสนาและประชาชนบ้าง
Cr : Ptt Cnkr
ไม่มีความคิดเห็น