ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

โชว์ชัดๆ สัญญา ‘ศุภชัย’ขายที่ดินได้เงิน477ล. ไฉนคืนสหกรณ์คลองจั่นแค่100 ล.?

โชว์ชัดๆ สัญญา ‘ศุภชัย’ขายที่ดินได้เงิน 477ล. ไฉนคืนสหกรณ์คลองจั่นแค่ 100 ล.?

“…ในการชดใช้เงินดังกล่าว พบว่า มีการให้บริษัท พิษณุโลกเอทานอล จำกัด เป็นผู้เขียนเช็คเพื่อสั่งจ่ายให้กับบุคคลต่าง ๆ เพื่อนำมาให้นายศุภชัยนำไปชดใช้ค่าเสียหายอีกทีหนึ่ง โดยที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นได้เงินคืนแค่ 100 ล้านบาท เท่านั้น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วสามารถนำเงินที่ขายที่ดินดังกล่าวคืนให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นทั้งหมด แล้วให้สหกรณ์ฯกระจายเงินดังกล่าวไปคืนผู้เสียหายรายอื่น ๆ เอง ก็สามารถทำได้…”
กำลังงวดเข้าไปทุกขณะ สำหรับคดียักยอกเงินจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกว่าหมื่นล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานฯ เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา เนื่องจากพบว่า เป็นผู้โอนแคชเชียร์เช็คไปให้กลุ่มเครือข่ายต่าง ๆ
แม้ว่าขณะนี้จะเพิ่งปิดฉากไปแค่คดีเดียวที่เกี่ยวเนื่องกัน นั่นคือกรณีที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุกนายศุภชัย 32 ปี ก่อนลดโทษเหลือ 16 ปี ฐานเบียดบังสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินทำการเบิกจ่ายเงินสดของสหกรณ์ฯหลายครั้ง เป็นเงินกว่า 22 ล้านบาท เข้าบัญชีของนายศุภชัย หรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์ฯ
แต่รู้หรือไม่ ? ก่อนหน้านี้ช่วงปี 2556 นายศุภชัย ได้ทำสัญญาขายที่ดินที่ตัวเองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ รวม 1,822 ไร่ มูลค่ากว่า 477 ล้านบาท ให้กับบริษัทเอกชน เพื่อชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว ตามการประชุมในการดำเนินการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย โดยพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ และตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)เพื่อขยายความให้ชัดขึ้น สำนักข่าวอิศรา  นำเอกสารบันทึกการประชุม และสัญญาการซื้อขายที่ดินดังกล่าว มาเผยแพร่ให้สาธารณชนรับทราบ ดังนี้
กรณีนี้เกิดขึ้นจากที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้คุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ในคดีรายนายศุภชัย กับพวก และแนะนำให้เลขาธิการ ปปง. (ขณะนั้น) ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ดำเนินการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย โดยได้แจ้งไปยังนายศุภชัย นายลภัส โสมคำ และ น.ส.ศรัณยา มานหมัด เพื่อมาประชุมแสดงความยินยอมในบันทึกยินยอมให้ขายทรัพย์สิน เพื่อนำเงินที่จากการขายดังกล่าว ให้แก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งผู้เสียหาย อันเป็นการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย โดยปฏิบัติตามระเบียบ ปปง. ว่าด้วยการนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาด พ.ศ.2544 โดยอนุโลม
ทั้งนี้นายศุภชัย กับพวก ได้เข้าใจข้อความดังกล่าว และยินยอมตามข้อความดังกล่าวข้างต้นแล้ว
ท่ามกลางการสักขีพยานเป็นผู้แทนดีเอสไอ (นายทรงพล บัวรอด) ตัวแทนสำนักงาน ปปง.(นายนพดล อุเทน ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองคดี 1 สำนักงาน ปปง.) ฝ่ายผู้ชดใช้เงิน คือ นายศุภชัย นายลภัส โสมคำ น.ส.ศรัณยา มานหมัด นายวันชัย บุญนาค เจ้าหน้าที่จาก ปปง. 2 ราย คือ นายสุรศักดิ์ แก้วสีเขียว นายสุพัฒน์ ลักษณะ และเจ้าหน้าที่จากดีเอสไอ 2 ราย คือ นายหฤษฎ์ พรหมเทพ นายชนม์ศิริ กระจ่างทิม 
สำหรับทรัพย์สินที่นำมาขายนั้น พบว่า เป็นที่ดินจำนวน 1,838 ไร่ มีนายศุภชัยเป็นเจ้าของที่ดินทั้งหมด โดยทำสัญญาขายให้กับบริษัท พิษณุโลกเอทานอล จำกัด มีนายชนะ อัษฎาธร และนายณัฐพล อัษฎาธร กรรมการผู้มีอำนาจเป็นตัวแทน รวมวงเงินทั้งสิ้น 477,880,000 บาท โดยจะไม่มีการเรียกร้องค่าที่ดินเพิ่มขึ้นหรือลดลงแต่ประการใด
ทั้งนี้นายศุภชัย ได้ขอให้บริษัท พิษณุโลกเอทานอล จำกัด จัดเตรียมเช็คไว้ทั้งหมด 6 รายการ มาส่งมอบให้นายศุภชัย เพื่อเป็นการชำระเงินค่าซื้อขายที่ดินดังกล่าว ได้แก่
1.แคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย กระทรวงการคลังผ่านสำนักงานการคลังจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 19,877,327 บาท
2.แคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน 100 ล้านบาท
3.แคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย นายธรรมนูญ โชติจุฬางกูร จำนวน 55,650,684 บาท
4.แคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย น.ส.พัชรา สงวนไชยกฤษณ์ จำนวน 27,344,500 บาท
5.แคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย นายสุรินทร์ ศีลพิพัฒน์ จำนวน 25,223,000 บาท
6.แคชเชียร์เช็คสั่งจ่าย นายศุภชัย ศรีศุภอักษร จำนวน 249,784,489 บาท (ดูเอกสารประกอบ)




จากสัญญาดังกล่าว มีข้อสังเกตดังนี้
1. ในการชดใช้เงินดังกล่าว พบว่า มีการให้บริษัท พิษณุโลกเอทานอล จำกัด เป็นผู้เขียนเช็คเพื่อสั่งจ่ายให้กับบุคคลต่าง ๆ เพื่อนำมาให้นายศุภชัยนำไปชดใช้ค่าเสียหายอีกทีหนึ่ง โดยที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นได้เงินคืนแค่ 100 ล้านบาท เท่านั้น
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วสามารถนำเงินที่ขายที่ดินดังกล่าวคืนให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นทั้งหมด แล้วให้สหกรณ์ฯกระจายเงินดังกล่าวไปคืนผู้เสียหายรายอื่น ๆ เอง ก็สามารถทำได้
2. ทำไมนายศุภชัยถึงได้รับเงินคืนจากการขายที่ดินดังกล่าวกว่า 249 ล้านบาท ทั้งที่การขายที่ดินครั้งนี้ ทำไปเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย
หรืออาจเป็นไปได้ว่า ในห้วงเวลาดังกล่าว (ปี 2556) ดีเอสไอ และ ปปง. ยังสาวเส้นทางการเงินไปไม่ถึงเครือข่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม หรือยังสอบสวนไม่พบความเสียหายอื่น ๆ ?
3. ที่ดินดังกล่าวจำนวน 1,822 ไร่ เป็นของนายศุภชัยจริงหรือไม่ และดีเอสไอ กับ ปปง. ได้ทำการตรวจสอบโฉนดที่ดินดังกล่าวไว้ก่อนแล้วหรือไม่
4. ทำไมถึงขายให้กับบริษัท พิษณุโลกเอทานอล จำกัด ก่อนหน้านี้มีการตกลงอะไรกันไว้ก่อนหรือไม่ และใช้วิธีใดในการเลือกเฟ้นเอกชนให้เข้ามาซื้อที่ดินดังกล่าว เพราะต้องไม่ลืมว่า กรณีการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายดำเนินการโดยดีเอสไอกับ ปปง. ไม่ใช่นายศุภชัยกับพวกเป็นผู้ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว
ทั้งหมดคือข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำสัญญาดังกล่าว ขณะที่ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาสำนักงาน ปปง. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า เป็นเรื่องเก่าก่อนที่ ปปง. จะดำเนินการแก้ระเบียบและกฎหมายใหม่ จากเดิมที่ต้องประสานไปยังดีเอสไอเพื่อประชุมคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย แต่ต่อไปนี้ให้ดำเนินการฟ้องศาล เพื่อให้ศาลพิจารณา และชดใช้ค่าเสียหายกันเอง ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ส่วนกรณีคืนเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นไปแค่ 100 ล้านบาท และปรากฏชื่อนายศุภชัย ได้เงินคืนด้วยกว่า 249 ล้านบาท พ.ต.อ.สีหนาท ระบุว่า ไม่ทราบในรายละเอียด ต้องสอบถามตัวแทนฝั่ง ปปง. หรือพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ ที่เข้าไปทำสัญญาในวันดังกล่าว
ทั้งหมดคือ ‘หลักฐานใหม่’ ในคดียักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่กำลังระอุ 
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากสำนักข่าว 
www.isranews.org/isranews-scoop

ไม่มีความคิดเห็น